และแล้ว “บัลลงดอร์ปี 2008” ก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” ตามคาดหมาย ไม่มีพลิกโผ ไม่มีเปลี่ยนขั้ว หรือลงทุนหอบกุหลาบแดงจากเนเธอร์แลนด์เป็นสื่อกลางแต่อย่างใด
จากผลงานการถล่ม 42 ประตู นำแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผงาดครองดับเบิลแชมป์ ทั้ง “พรีเมียร์ ลีก” และ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” ในฤดูกาลที่แล้ว ทำให้วงการลูกหนังโลกต่างยกให้ โรนัลโด้ เป็นเต็งจ๋าในการคว้าลูกบอลทองคำไปประดับตู้โชว์ที่บ้านเพิ่มอีกหนึ่งรางวัล หลังกวาดมาแล้วทุกสถาบัน หากไม่ประสบอุบัติเหตุทางการกีฬา หรืออาถรรพ์ปีศาจแดงเข้าไปเสียก่อน
ประวัติศาสตร์ระหว่าง บัลลงดอร์ กับ ขุนพลปีศาจ ดูจะเป็นอะไรที่ห่างเหินกันมานานมาก เมื่อต้องใช้เวลาถึง 40 ปี กว่าจะตามหากันจนเจออีกครั้ง ทั้งที่เป็นคนคุ้นเคยกันมาก่อน
“เดนิส ลอว์” เป็นนักเตะเชื้อสายปีศาจรายแรกที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดลูกบอลทองคำ ในปี 1964 ด้วยผลงานการกระซวกประตูคนเดียวถึง 45 ประตู จากการลงสนาม 41 นัด ในศึกดิวิชั่น 1 อังกฤษโบราณ แม้จะไม่อาจนำปีศาจแดงคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหา
“บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน” เป็นขุนพลปีศาจรายต่อมา ที่ได้สัมผัสกับลูกบอลทองคำ ในปี 1966 ผลงาน 18 ประตู จากการลงสนาม 54 นัด ให้กับยูไนเต็ด ดูจะจุ๋มจิ๋มเสียเหลือเกิน เมื่อเทียบกับนักเตะรายอื่น แถมปีศาจแดงยังทำได้เพียงอันดับ 4 ในลีกอีกด้วย แต่ด้วยผลงาน 3 ประตู พาอังกฤษคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองเป็นครั้งแรก ก็เพียงพอแล้วสำหรับ บัลลงดอร์ 1966
“จอร์จ เบสต์” ทางยาทอสูรรายที่ 3 ที่เป็นเจ้าของลูกบอลทองคำ ในปี 1968 จากการสังหาร 32 ประตู ในการลงสนาม 52 นัด ทั้งที่เป็นผู้เล่นในตำแหน่งปีก แถมยังเป็นกำลังสำคัญในการนำปีศาจแดงขึ้นเถลิงบัลลังเจ้ายุโรปเป็นหนแรกอย่างยิ่งใหญ่ แล้วลูกบอลทองคำจะไปไหนเสีย
แต่หลังจากนั้น พลพรรคปีศาจแดง ก็ไม่เคยได้เชยชมกับ “นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป” อีกเลย
วงโคจรของ บัลลงดอร์ เคยเฉียดใกล้ชายคาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนหน้านี้มาหนหนึ่ง เมื่อปี 1999 ด้วยผลงานระดับ “ทริปเปิลแชมป์” ปีศาจแดงจึงภูมิใจเสนอ “เดวิด เบ็คแฮม” เข้าชิงลูกบอลทองคำอีกครั้งด้วยความมั่นใจ แต่ในที่สุด บัลลงดอร์ ก็ลอยข้ามโรงละครแห่งความฝันไปเข้ามือ “ริวัลโด้” มิดฟิลด์ชาวบราซิลที่พา “บาร์เซโลน่า” คว้าแชมป์ลาลี กา สเปน พ่วงด้วยตำแหน่งรองดาวซัลโว แถมยังนำบราซิลเป็นแชมป์โคปา อเมริกา ด้วยผลงานดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์อีกด้วย
การพลาด บัลลงดอร์ มาประดับโรงละครหนนี้ หลายฝ่ายคาดกันว่า นอกจากจะเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมของ ริวัลโด้ แล้ว ปัจจัยการเล่นเป็นทีมของยูไนเต็ดก็มีผลเกื้อกูลกันด้วย เพราะปีศาจแดงชุดทริปเปิลแชมป์ ช่างเป็นทีมที่เล่นกันได้อย่างเข้าขา เน้นการทำงานเป็นทีม จนไม่มีนักเตะคนใดโดดเด่นข้ามหน้าข้ามตาเพื่อนร่วมทีม แม้แต่นักเตะที่มีดีทั้งผีเท้าและหน้าตาอย่าง เบ็คแฮม ก็ตาม นี่ถ้าเย็บรายชื่อ “ดไวท์ ยอร์ค” กับ “แอนดี้ โคล” แนบไปพร้อมกับแบบฟอร์มเข้าประกวดของ เบ็คแฮม ได้ ลูกบอลทองคำคงลงจอดที่แมนเชสเตอร์ไปแล้ว
ดับเบิลแชมป์ ครั้งนี้ จึงอดที่จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ทริปเปิลแชมป์ เมื่อครั้งกระโน้นไม่ได้ แถมยังมีศึกใหญ่อย่าง “ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งทวีปยุโรป 2008” เข้ามามีส่วนร่วมอีก
จากประสบการณ์ของ เบ็คแฮม ทำให้เกจิลูกหนังชื่อดังออกมา “ฟันธง” เสียงดัง หากต้องการการันตี บัลลงดอร์ แบบเบ็ดเสร็จ โรนัลโด้ ต้องทำผลงานภายใต้ธงชาติโปรตุเกส เช่นเดียวกับการรับใช้ปีศาจถือสามง่าม มิเช่นนั้นอาถรรพ์ปีศาจแดงจะกลับมาอีกครั้ง
ยิ่งเมื่อ โปรตุเกส ภายใต้การนำของ “หลุยส์ ฟิลิปเป้ สโคราลี่” รีบร้อนกระเด็นตกรอบก่อนรองชนะเลิศไปแบบหมดรูป เหมือนจะรีบไปคุมทีมสโมสรตามแรงดูดเสียอย่างนั้น จนเป็นเหตุให้ สเปน เข้าป้ายในท้ายที่สุด ทำเอาตำแหน่งของ โรนัลโด้ ถูกสั่นคลอนอย่างหนัก เมื่อสามารถล่าตาข่ายทั้งทัวร์นาเมนต์ได้เพียงประตูเดียว แถมยังไม่มีชื่อติดในทีมประจำรายการอีกด้วย
การคว้าแชมป์ยูโร เป็นสมัยที่ 2 ของสเปนนี่เอง ทำให้นักเตะสแปนิชเดินเรื่องส่งชื่อเข้าชิง บัลลงดอร์ กันเป็นทิวแถว ไม่ว่าจะเป็น “อีเคร์ คาซิยาส” ที่มาพร้อมกับแชมป์ลาลี กา “ดาบิด บีญ่า” ดาวซัลโวสูงสุดของรายการ “ซาบี้ เฮอร์นานเดซ” นักเตะยอดเยี่ยมประจำศึกยูโร รวมไปถึง “เฟอร์นานโด ตอร์เรส” เจ้าของประตูชัยนำสเปนครองแชมป์
โดยเฉพาะรายหลัง ดูจะได้รับเสียงเชียร์จากบรรดาแฟนบอลต้นสังกัดอย่างอึกทึกครึกโครม ด้วยผลงาน 2 ประตูในศึกยูโร รวมกับอีก 33 ประตูในระดับสโมสร ช่างเหมาะสมกับตำแหน่ง นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป เสียเหลือเกิน แม้จะไม่ประสบความสำเร็จใดๆ ในระดับสโมสรเลยก็ตาม
นอกจากนั้น ปีกชาวโปรตุกีส ยังถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่เหมาะสมกับรางวัลนี้ อันเนื่องมาจากสไตล์การเล่นแบบ “โชว์ขาอ่อน” เป็นนิจ ประหนึ่งนางงามเดินสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโชว์ขาอ่อนบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ จนได้รับการขานนามว่าเป็น “พวกขี้พุ่ง” แม้เจ้าตัวจะออกมาแก้ต่างเสียงแข็งว่าไม่เคยท้องเสียก็ตามที
แต่เสียงนกเสียงกานานับชนิด ก็หาได้สร้างความตระหนกให้กับปีกจอมสับแต่อย่างใด เมื่อได้รับ “คอนเฟิร์ม” เสียงดังจากนายใหญ่อย่าง “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” ที่ลงทุนเอาตำแหน่งผู้จัดการทีมปีศาจแดงที่ถือครองมากว่า 22 ปี เป็นประกันทีเดียว
ท้ายที่สุดแล้ว โรนัลโด้ ก็คว้า บัลลงดอร์ ไปได้ด้วยผลโหวตท่วมท้นจากผู้สื่อข่าวกีฬาชั้นนำทั่วโลก 96 คน ซึ่งพร้อมใจกันลงคะแนนให้ถึง 446 คะแนน จากคะแนนเต็ม 480 ถือเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่มีการเปิดโหวตมา เหนือคู่แข่งอย่าง เมสซี่ และ ตอร์เรส ที่ตามมาห่างๆ 218 และ 179 คะแนนตามลำดับ
พิสูจน์กันให้เห็นจะๆ “ฟันธง” หรือจะสู้ “คอนเฟิร์ม”
ทันทีที่รับลูกบอลทองคำเดินทางสู่มือ โรนัลโด้ เจ้าตัวก็ประกาศกร้าวทันทีว่า “ปีหน้าขออีก” ซึ่งก็ได้รับการเห็นพร้องทันทีจากทั้งเจ้านาย เซอร์ เฟอร์กูสัน และ เจ้าของบัลลงดอร์รุ่นพี่อย่าง เซอร์ ชาร์ลตัน
แต่การคว้า บัลลงดอร์ มาครอง 2 สมัยซ้อน ดูจะเป็นเรื่องที่ยากไปเสียแล้วในยุคปัจจุบัน เพราะนักเตะคนสุดท้ายที่ทำได้ต้องย้อนไปถึงปี 1989 ของ “มาร์โก แวน บาสเท่น” เพชฌฆาตพรายกระซิบ เลยทีเดียว แถมระยะหลังมานี้นักเตะเจ้าของบัลลงดอร์ เหมือนจะถูกสาปไปตามๆ กัน ไม่ฟอร์มตก ก็มีอันต้องเจ็บยาว นี่จึงถือเป็นงานหินที่ เจ็ทโด้ ต้องเข้ารับการทดสอบอย่างเลี่ยงไม่ได้
บัลลงดอร์ ของ โรนัลโด้ ทำให้แฟนผีทั่วโลกได้ยลโฉมลูกบอลทองคำแบบเป็นๆ อีกครั้ง หลังจากรอคอยมานานถึง 40 ปี เชื่อแน่ว่าแฟนบอลที่มีโอกาสได้เห็น เบสต์ เคียงคู่กับบอลทองคำเมื่อครั้งก่อนด้วยสายตาตัวเอง ต่างพร้อมใจกันลาโลกนี้ไปเกินครึ่งแล้วเป็นแน่ ขนาดเจ้าของรางวัลเองก็ยังไม่รอใคร
ยิ่งสโมสรจัดให้มีพิธีรับมอบลูกบอลทองคำจากมือรุ่นพี่ทั้ง ชาร์ลตัน และ ลอว์ ก็ทำเอาสาวกปีศาจแดงอดยิ้มตามด้วยความปิติไม่ได้ นี่ถ้า เบสต์ ไม่ด่วนคืนสู่ปรโลกไปเสียก่อน คงเป็นภาพที่สมบูรณ์ยิ่งกว่านี้
แล้วนับจากนี้ไป บัลลงดอร์ หาใช่มีค่าเพียง นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป เท่านั้น หากแต่เจ้าของลูกบอลทองคำจะได้รับเกียรติให้เป็น “นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของโลก”
สามารถยืดอกบอกใครต่อใครได้ทั้งปีว่า ข้านี่แหละสุดยอดของโลก!
สุดท้ายคงต้องยืมคำพูดของพี่ “เพชร มาร์” ที่มักจะพูดเป็นประจำ เมื่อพบว่า “เดอร์ สตาร์” ได้เพชรที่เจียระไนเรียบร้อยแล้ว
โด้…เอ่อ เอ็งเก่ง!
เกียรติประวัติของ โรนัลโด้ ปี 2008
รางวัลระดับสโมสร
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ประตูสุดสวยประจำฤดูกาลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ฟรีคิกนัดเจอ ปอร์ทสมัธ)
รางวัลระดับประเทศ
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ จากเพื่อนร่วมอาชีพ
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ จากแฟนบอล
นักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ
นักเตะในทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ ลีก
นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ ลีก
บาร์เคลย์ส รองเท้าทองคำ
รางวัลระดับทวีป
นักเตะตำแหน่งกองหน้ายอดเยี่ยมในระดับสโมสรยุโรป
นักแตะยอดเยี่ยมแห่งปีในระดับสโมสรยุโรป
รองเท้าทองคำแห่งยุโรป
รางวัลระดับโลก
บัลลงดอร์…นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของโลก จากนิตยสาร ฟร้องซ์ ฟุตบอล
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของโลก จากนิตยาสาร เวิลด์ ซอคเกอร์
นักเตะในทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของโลก โดย ฟิฟโปร
นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของโลก โดย ฟิฟโปร
chokechone11
2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC